หนังเข้าได้ 2 อาทิตย์แล้ว แต่ผู้เขียนเพิ่งได้ดู ดูแล้วเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนังเด็ก เพราะเราทุกคนรู้เรื่องราวของเมาคลีจากการสอดแนม แต่ The Jungle Book (2016) เป็นเมาคลีบนหน้าจอที่สนุก เป็นหนังผจญภัยความยาว 100 นาทีที่น่าติดตาม หลังจากดูแล้ว คุณจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงสมบูรณ์แบบ ผู้กำกับ จอน แฟฟโร เก่งมาก ฮีโร่อย่างไอรอนแมนก็ทำได้ ดราม่าแบบเชฟก็ทำได้ ถ้าไม่พลาด Cowboy & Aliens ประวัติศาสตร์จะสวยงามกว่านี้
ประทับใจหลายอย่างในหนัง หนังตลกขำขันกับสัตว์น่ารักอารมณ์ดีมากมาย อารมณ์ของหนังมาพร้อมกับความรักของแม่หมาป่าและเมาคลี ตื่นเต้นกับฉากกระโดดไล่ล่า 2 ครั้ง ขอบคุณมือเขียนบทคนใหม่ จัสติน มาร์ค ที่เขียนบทหนังภาคแรกได้ดีมาก
ความมหัศจรรย์ของงาน CG จากที่เราเคยตื่นเต้นกับภาพเสือใน Life Of Pie จะสมจริงขนาดไหน เทคนิคแต่งเสือตัวเดียวให้ดูตลก พอมารอบนี้เราสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ให้เราดูได้ถึง 70 สายพันธุ์ ซึ่งสมจริงทั้งหมด และขยับปากให้เข้ากับทุกคำที่เขาพูด ไม่ใช่แค่สัตว์แต่บรรยากาศในป่าก็สมจริงมากเช่นกัน แทบไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้ถ่ายทำในสตูดิโอทั้งหมด โดยส่งภาพถ่ายป่าอินเดียนับพันภาพ ทีมงานจับภาพบรรยากาศที่แท้จริงของป่าอินเดีย และสร้างเป็นภาพ CG เลียนแบบบรรยากาศสีสันของป่าในแต่ละฉากโดยยังคงสื่ออารมณ์ของเรื่องได้ดี Wolf Hill มีโทนสีน้ำตาลเทา เนินโล่งกว้าง ไม่มีกำแพง ให้ความรู้สึกปลอดภัย มันเข้ากับโครงเรื่องเมื่อเธอไม่รู้ว่าชีคานจะบุกป่ามืดลึกลับเมื่อใด แต่เมื่อชายแดนของบาลูเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้สวยงาม และสายน้ำไหล เมาคลีมีสีสันและความสนุกสนานในชีวิตเมื่อเขาอยู่กับบาลู
“ทีมงานสามารถจับภาพบรรยากาศที่แท้จริงของป่าในอินเดียโดยส่งภาพถ่ายหลายพันภาพของป่าในอินเดียและสร้างภาพ CG เพื่อเลียนแบบ”
เพลงของ John Debney รองรับแบ็คกราวด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบตลอดเวลา แต่อย่ามากเกินไป
สุดท้ายนี้ ผู้สร้างยังไม่ลืมคุณค่าของนิทานคลาสสิกเรื่องนี้ พาเด็กๆ ไปดูและแนะนำความกล้าหาญและการเสียสละของเมาคลี ความจริงใจของเมาคลีมีชัยเหนือบาลู มี เจ้าเล่ห์ และการอยู่ร่วมกันและยอมรับความแตกต่างของกันและกัน ในที่สุด บาคีลาก็ต้องยอมรับความสามารถของมนุษย์ของเมาคลี แม้ว่าตัวเขาเองจะห้ามเมาคลีเสมอไม่ให้ทำตัวเหมือนมนุษย์
“ผู้สร้างสรรค์ยังไม่ลืมคุณค่าของนิทานคลาสสิกที่สอดแทรกข้อคิดดีๆ”
Neil Sethi ยังคงเป็นเด็กอายุ 12 ปีที่แสดงในภาพยนตร์ที่สดใสและราบรื่น ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเด็กที่เล่นหนังเรื่องแรก มันสมควรที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้กว่า 2,000 คน ทั้งหมดนี้ทำให้ The Jungle Book เป็นภาพยนตร์ที่ต้องดู สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หนังครองอันดับ 1 สองสัปดาห์ติดต่อกันด้วยทุนสร้าง 175 ล้านเหรียญ และทำรายได้ไป 533 ล้านเหรียญ
